อัจฉริยะหลงทาง เดินผิดชีวิตเปลี่ยน

http://static.siamsport.co.th/news/2018/11/15/news201811151841888.jpg

 

ซ้ายอัจฉริยะ “เบิร์ด”วัชรกร ไกลถิ่น อดีตดาวรุ่งวงการฟุตบอลไทย จาก จ.เชียงราย ที่ถูกคาดการณ์ว่า จะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ดวงใหม่ของวงการฟุตบอลไทยในฐานะดาวเตะทีมชาติชุดใหญ่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดดาวเตะจอมเทคนิคพรสวรรค์รายนี้ก้าวกระโดดไปติดทีม “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ในยุครุ่งเรืองตั้งแต่วัย16ย่าง 17 ปี เท่านั้น สมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยาการราชดำเนิน ธนบุรี
แน่นอนว่าในทีม “มังกรไฟ”เกมรุกยุคนั้นอุดมไปด้วยดาวดังของเมืองไทย ทั้ง ดัสกร ทองเหลา,ธีรเทพ วิโนทัย,วรวุธ ศรีมะฆะ,จตุพงษ์ ทองสุขฯ แถมเป็นทีมยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ แต่ก็สามารถแทรกตัวลงสนามเป็นตัวจริงในสนามได้อย่างสม่ำเสมอด้วยความสามารถที่มีเกินอายุ เส้นทางฟุตบอลของยอดแข้งจากเชียงรายไปได้สวยทั้งสโมสรและทีมชาติในรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2004 ที่ประเทศมาเลเซีย ครั้งนั้น วัชรกร และเพื่อนๆร่วมทีมเกือบสร้างโอกาสผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศพร้อมลุ้นตั๋วเยาวชนโลก หลังจากทำผลงาน ชนะ เยเมน 2-1 ,แพ้ อิรัก 0-2 และ เสมอเกาหลีใต้ 1-1 มี 4 แต้มเท่าเกาหลีใต้แต่ผลต่างประตูเป็นรองจึงตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

จากชีวิตที่หลายคนคิดว่าจะรุ่งโรจน์โชติช่วงบนถนนสายฟุตบอลกลับตาลปัตรเพราะ วัชรกร ไกลถิ่น มีอาการบาดเจ็บมาเล่นงาน พร้อมกับเรื่องของการใช้ชีวิตนอกสนามส่งผลให้เส้นทางฟุตบอลของเขาแทบจะหย่าขาดจากความเป็นจริง ช่วงบั้นปลายการค้าแข้ง ซ้ายอัจฉริยะ พาทีมเชียงราย ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 ก่อนที่จะโยกไปซบเมืองทอง ยูไนเต็ด รวมไปถึงภูเก็ต เอฟซี แต่สุดท้ายก็ต้องแขวนสตั๊ดเพราะอาการบาดเจ็บที่ไม่หายขาดเล่นงาน ความรู้รอบตัวที่น่าสนใจ

ปัจจุบัน “เบิร์ด”วัชรกร ไกลถิ่น หันมาทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆกับครอบครัวและเปิดสอนฟุตบอลให้กับบรรดาเด็กๆ เยาวชนด้วยการเปิดอะคาเดมี่ เพื่อหวังนำสิ่งต่างๆที่มีประโยชน์มาสร้างนักเตะรุ่นใหม่ขึ้นมาอย่างแข็งแรงทั้งเบสิคฟุตบอลและเรื่องของการวางตัวในสังคมต่อสิ่งเร้าที่อยู่รอบตัวเน้นหนักเป็นพิเศษคือเรื่องของวินัย นอกจากนั้นยังเดินหน้าอบรมหลักสูตรฟุตบอลอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อฝันในการสร้างเด็กๆ

“เรื่องอดีตเราคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว ซึ่งถามว่าเสียใจไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนย่อมเสียดายเส้นทางที่รักคือฟุตบอล ช่วงเวลาเกือบปีสมัยรุ่งเรืองตอนวัยรุ่นผมใช้ชีวิตเต็มที่และคิดว่าสามารถเล่นได้เพราะด้วยวัยรวมไปถึงร่างกายแต่ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คิดการเที่ยวเตร่ใช้ชีวิตโดยขาดวินัยทำให้เรากลับมาไม่เหมือนเดิมในเรื่องของฟุตบอลรวมไปถึงโอกาสที่ควรจะได้รับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อแม้ว่าจะพยายามเดินหน้าสู้

“แม้ว่าทุกวันนี้ผมอาจจะไปไม่ถึงฝันและไม่ได้เล่นฟุตบอลอาชีพไทยที่กำลังรุ่งเรือง แต่ก็ยังเดินบนถนนเส้นนี้ในฐานะครูฟุตบอลผมมีความสุขที่ได้ทำเพราะสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเรามันคือการต่อสู้พิสูจน์ตัวเองอีกบริบท รายได้มันอาจจะไม่มากมายนักแต่มันก็เป็นอาชีพสุจริตทั้งการสอนฟุตบอล และการขายของ ผมหวังว่าสักวันหนึ่งนักเตะที่ผมฝึกสอนจะก้าวมาติดทีมชาติสักคนก็ดีใจมากแล้วที่ได้ตอบแทนสังคมฟุตบอลรวมไปถึงการแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราสมัยวัยรุ่น”